Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การผลิตสเคลอโรกลูแคนจากเชื้อรา Sclerotium rolfsii

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Production of the Scleroglucan from Sclerotium rolfsii

Year (A.D.)

1989

Document Type

Thesis

First Advisor

สุมาลี พิชญางกูร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

จุลชีววิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1989.518

Abstract

จากการศึกษาเชื้อราที่สามารถผลิตโพลีแซคคาไรด์ที่ขับออกมาภายนอกเซลล์นั้น ในขั้นต้นได้ศึกษาโพลีแซคคาไรด์ในเห็นรับประทานได้ชนิดต่าง ๆ เช่น จากการแยกเชื้อเห็ดจากเห็ดทั้งหมด 5 จีนัส รวม 11 สายพันธุ์ โดยใช้เทคนิคการเลี้ยงเนื้อเยื่อ จากนั้นนำมาเลี้ยงในอาหารเหลวสูตร Czapex’s Dox ที่แปรผันชนิดของอาหารแหล่งคาร์บอน กลูโคส ซูโครส แลคโตส และกาแลคโตส พบว่าเชื้อเห็ดจำนวน 5 สายพันธุ์สามารถสร้างโพลีแซคคาไรด์ได้ในปริมาณสูงในอาหารที่เป็นกลูโคส 2 สายพันธุ์ สร้างโพลีแซคคาไรด์ได้ในปริมาณสูงในอาหารที่เป็นซูโครส และอีก 2 สายพันธุ์สร้างโพลีแซคคาไรด์ได้ในปริมาณสูงในอาหารที่เป็นแลคโตสและกาแลคโตส ในการจำแนกชนิดโพลีแซคคาไรด์ที่สร้างขึ้นตามลักษณะประจุไฟฟ้า พบว่าโพลีแซคคาไรด์ที่สร้างจากเห็ดจำนวน 5 สายพันธุ์มีลักษณะประจุเป็นกลาง และอีก 4 สายพันธุ์ที่เหลือมีลักษณะประจุเป็นลบ ชนิดของน้ำตาลที่เป็นองค์ประกอบในโพลีแซคคาไรด์จากการย่อยสลายสมบูรณ์โพลีแซคคาไรด์ที่สร้างจากเห็ดชนิดต่าง ๆ พบว่าประกอบด้วยกลูโคสเพียงอย่างเดียว ในการศึกษาการผลิตสเคลอโรกลูแคนจากเชื้อ S. rolfsii ในอาหารแหล่งคาร์บอนที่เป็นกากน้ำตาล น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลังที่ไม่ไฮโดรไลซ์ และแป้งมันสำประหลังที่ไฮโดรไลซ์ด้วยเอนไซม์หลังจากได้ปรับสภาวะให้เหมาะสมแล้ว พบว่า ในอาหารแหล่งคาร์บอนที่เป็นน้ำตาลทรายจะให้ผลผลิตสเคลอโรกลูแคนสูงสุดเป็น 2.2% จากการจำแนกชนิดของโพลีแซคคาไรด์ตามลักษณะประจุไฟฟ้า พบว่า สเกลอโรกลูแคนที่ผลิตได้จากอาหารแหล่งคาร์บอนชนิดต่าง ๆ ทั้งหมด โดยตรวจสอบพบว่าโพลีแซคคาไรด์ที่ได้มีประจุเป็นกลางและในการตรวจวิเคราะห์ปริมาณน้ำตาลทั้งหมดในสเคลอโรกลูแคนที่ผลิตได้ มีปริมาณน้ำตาลทั้งหมด 63-89% และตรวจปริมาณกลูโคสพบว่ามีอยู่ในช่วง 70-89% ของปริมาณน้ำตาลทั้งหมด คุณสมบัติการอุ้มน้ำของสเคลอโรกลูแคนต่ออุณหภูมิพบว่า เมื่อเพิ่มอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสแล้ว สมบัติความสามารถในการอุ้มน้ำจะลดลง การเปรียบเทียบความหนืดของสารละลายสเคลอโรกลูแคนพบว่าสเคลอโรกลูแคนที่ผลิตจาก กากน้ำตาล น้ำตาลทราย และแป้งมันสำปะหลังไม่ไฮโดรไลซ์ มีค่าความหนืดอยู่ในช่วง 128.00-137.00 cp ในขณะที่สเคลอโรกลูแคนที่ได้จากแป้งมันสำปะหลังไฮโดรไลซ์มีความหนืดเพียง 55.00 cp จากการทดสอบความเสถียรพบว่า สารละลายสเคลอโรกลูแคนมีความเสถียรต่อปริมาณของเกลือตั้งแต่ 0.0 ถึง 2.0% ในช่วงค่าพีเอชที่กว้างตั้งแต่ 1.0 ถึง 11.0 และช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ 10-70 องศาเซลเซียส ในการตรวจสอบความมีขั้วของสเคลอโรกลูแคนด้วยวิธีอิเลคโทรเอนดอสโมซิส พบว่าไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ เพราะสารละลายสเคลอโรกลูแคนที่เตรียมได้ไม่แข็งตัวพอที่จะดำเนินการทดลองต่อไป การศึกษาหาน้ำหนักโมเลกุล พบว่าสเคลอโรกลูแคนที่ผลิตจากกากน้ำตาล น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลังไม่ไฮโดรไลซ์ และแป้งมันสำปะหลังไฮโดรไลซ์มีค่าน้ำหนักโมเลกุลประมาณ 120,000 480,000 360,000 และ 380,000 ตามลำดับ และการศึกษาการไฮโดรไลซ์ในสภาพที่กำหนด โดยมีสภาพเป็นกรดไฮโดรคลอริก 2.0 โมลาร์ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เวลานาน 1 ชั่วโมง ในสเคลอโรกลูแคนที่ผลิตจากแป้งมันสำปะหลังไฮโดรไลซ์ พบว่ามีขนาดโมเลกุลลดลงเหลือประมาณ 30,000

Share

COinS