Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกแตงเทศในเขตภาคเหนือของประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Cost and return on investment of muskmelon production in the northern regin of Thailand

Year (A.D.)

1989

Document Type

Thesis

First Advisor

กัญญา นวลแข

Second Advisor

สุเทวี ศุขปราการ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1989.445

Abstract

การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกแตงเทศในเขตภาคเหนือของประเทศไทย โดยการสัมภาษณ์เกษตรกรผู้ปลูกแตงเทศที่ใช้พลาสติกคลุมแปลงแบบปักค้าง 10 ราย ใช้ฟางคลุมแปลงแบบปักค้าง 50 ราย และใช้ฟางคลุมแปลงแบบปล่อยเลื้อยบนดิน 3 ราย ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2531 ผลการศึกษาพบว่า การปลูกแตงเทศโดยใช้พลาสติกคลุมแปลงแบบปักค้าง มีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 30,924.52 บาท ฟางคลุมแปลงแบบปักค้าง มีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 17,826.08 บาท และฟางคลุมแปลงแบบปล่อยเลื้อยบนดินเฉลี่ยไร่ละ 9,289.03 บาท จากการวิเคราะห์ผลตอบแทนของการปลูกแตงเทศในเขตภาคเหนือของประเทศไทย สรุปได้ว่า อัตราผลตอบแทนต่อรายได้รวมของแตงเทศที่ปลูกโดยใช้พลาสติกคุลมแปลงแบบปักค้างเท่ากับ 0.70 ใช้ฟางคลุมแปลงแบบปักค้างเท่ากับ 0.38 และใช้ฟางคลุมแปลงแบบปล่อยเลื้อยบนดินเท่ากับ 0.34 ตามลำดับ ส่วนอัตราผลตอบแทนต่อต้นทุนการปลูกแตงเทศที่ปลูกโดยใช้พลาสติกคลุมแปลงแบบปักค้างร้อยละ 236.81 ใช้ฟางคลุมแปลงแบบปักค้างร้อยละ 61.89 และใช้ฟางคลุมแปลงแบบปล่อยเลื้อยบนดินร้อยละ 59.86 ตามลำดับ จะเห็นว่า การปลูกแตงเทศโดยใช้พลาสติกคลุมแปลงแบบปักค้าง ฟางคลุมแปลงแบบปักค้าง และฟางคลุมแปลงแบบปล่อยเลื้อยบนดินมีผลตอบแทนต่อต้นทุนการปลูกในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 50 โดยแตงเทศที่ปลูกโดยใช้พลาสติกคลุมแปลงมีผลตอบแทนสูงสุด เนื่องจากผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูง ปัญหาที่เกษตรกรประสบมากคือ การระบาดของโรคพืช และการขาดความรู้ในด้านการป้องกันและจำกัดศัตรูพืช อันเป็นเหตุทำให้ต้นทุนการปลูกสูงขึ้น ได้ผลผลิตในเกณฑ์ต่ำ ทำให้มีรายได้ต่ำไปด้วย

Share

COinS