Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การแปรของวรรณยุกต์โทในภาษาไทยกรุงเทพฯ ตามระดับอายุผู้พูด

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Variation of the falling tone by age of speakers of Bangkok Thai

Year (A.D.)

1990

Document Type

Thesis

First Advisor

อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์

Second Advisor

สุดาพร ลักษณียนาวิน

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ภาษาศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1990.806

Abstract

จากการที่มีผู้สังเกตเห็นว่า เด็กไทยรุ่นใหม่ในปัจจุบันออกเสียงวรรณยุกต์โท เป็นเสียงลอยคล้ายเสียงวรรณยุกต์ตรี ต่างไปจากเสียงวรรณยุกต์โทแบบเดิมที่ใช้กันในกลุ่มผู้ใหญ่ และเด็กบางคนมีลักษณะเช่นนี้ตลอดเวลา แต่บางคนจะมีลักษณะเช่นนี้เฉพาะบางสถานการณ์เท่านั้น งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ที่จะตอบคำถามว่าวรรณยุกต์โทของผู้พูดภาษาไทยกรุงเทพฯ มีการแปรตามอายุของผู้พูด และวัจนลีลา หรือไม่ และถ้ามีลักษณะของการแปรจะเป็นเช่นไร ผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอาจารย์ในคณะอักษร และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระดับอายุ 55-60 ปี และอายุ 35-40 ปี และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนศึกษานารี อายุ 15-20 ปี รวมทั้งสิ้น 30 คน โดยการสัมภาษณ์พูดคุยซึ่งจัดว่าเป็นลีลาที่ไม่เป็นทางการและการอ่านบทความ ซึ่งจัดเป็นการลีลาที่เป็นทางการ จากผลวิเคราะห์ ผู้วิจัยพบว่า มีรูปแปรวรรณยุกต์โท 5 รูปแปร ได้แก่ รูปแปรวรรณยุกต์กลาง-ตก | สูง-ตก, กลาง-ขึ้น-กลาง, กลาง-ขึ้น-ตก และ กลางระดับ-ตกข้างท้าย การใช้รูปแปรทั้ง 5 รูป เหล่านี้ พบว่าต่างกันตามอายุของผู้พูดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น.01 โดยในกลุ่มอายุ 55-60 ปี ใช้รูปแปรวรรณยุกต์กลาง-ตก มากที่สุด ส่วนในกลุ่มอายุ 35 - 40 ปี ใช้รูปแปรวรรณยุกต์กลาง-ตก มากที่สุดเหมือนกันแต่ได้ใช้รูปแปรวรรณยุกต์สูง-ตก มากจนเป็นที่สังเกตเห็นได้อย่างชัด ในขณะที่กลุ่มอายุ 15-20 ปี ใช้รูปแบบแปiวรรณยุกต์กลาง-ขึ้น-กลาง ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ มากที่สุด ส่วนการแปรตามวัจนลีลา กลุ่มผู้ใหญ่ทั้ง 2 กลุ่ม มีการใช้รูปวรรณยุกต์เหมือนและแตกต่างจากกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ดังนี้ คือ ทุกกลุ่มอายุมีการใช้รูปแปร กลาง-ตก ในอัตราที่สูงขึ้น เมื่อมีความเป็นทางการเพิ่มขึ้น และมีการใช้รูปแปร กลาง-ขึ้น-กลาง ในอัตราที่สูงขึ้น เมื่อมีความเป็นทางการลดลง แต่กลุ่มผู้ใหญ่ทั้ง 2 กลุ่มมีความถี่ในการใช้รูปแปร กลาง-ตก มากกว่า กลุ่มเด็กรุ่นใหม่ และกลุ่มเด็กรุ่นใหม่มีความถี่ในการใช้รูปแปร กลาง-ขึ้น-กลาง มากกว่ากลุ่มผู้ใหญ่ การวิจัยนี้ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ใหญ่ใช้รูปวรรณยุกต์โทแตกต่างไปจากกลุ่มเด็กรุ่นใหม่อย่างเห็นได้ชัดจึงทำให้คนกลุ่มนี้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปวรรณยุกต์โทของเด็กรุ่นใหม่ได้ชัดเจนอย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน รูปแปร กลาง-ตก ยังคงเป็นรูปแบบที่ใช้มากที่สุด แต่ในอนาคต คาดว่า เสียงวรรณยุกต์แบบเด็กรุ่นใหม่อาจจะเป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในภาษาไทยกรุงเทพฯ งานวิจัยนี้ เป็นงานที่ริเริ่มการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเสียงวรรณยุกต์ที่กำลังดำเนินอยู่ในภาษาไทยกรุงเทพฯ ยังมีเสียงวรรณยุกต์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ และอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงอีก ซึ่งน่าจะมีการศึกษาค้นคว้าต่อไป

Share

COinS