Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานจากน้ำมันเตาใสเบา และน้ำมันเตาใสหนัก โดย กระบวนการแยกไขด้วยตัวทำละลาย และกระบวนการสกัดด้วยตัวทำละลาย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The production of lube bases from light distillate oil and heavy distillate oil by solvent dewaxing and solvent extraction

Year (A.D.)

1990

Document Type

Thesis

First Advisor

โสภณ เริงสำราญ

Second Advisor

อมร เพชรสม

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ปิโตรเคมี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1990.549

Abstract

ปัจจุบันนี้ความต้องการใช้น้ำมันหล่อลื่นในประเทศมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2532 มีการนำเข้าถึง 1,540 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นเงินประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้น 6.1 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปี 2531 น้ำมันเตาใสเบา (LD) และน้ำมันเตาใสหนัก (HD) ที่ผลิตจากการกลั่นน้ำมันดิบฝางในหอกลั่นสุญญากาศ ปัจจุบันใช้เป็นน้ำมันเตาคุณภาพต่ำ ทั้งนี้เพราะมีไขปนอยู่มาก เพื่อให้น้ำมันเตาใสเบาและน้ำมันเตาใสหนักสามารถนำไปใช้ในการผลิตน้ำมันหล่อลื่นที่มีมูลค่าสูงขึ้นนั้นจะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพของน้ำมันด้วยกระบวนการที่เหมาะสม จากการวิจัยนี้พบว่ากระบวนการที่เหมาะสมมีด้วยกัน 2 กระบวนการ กระบวนการแรกเป็นการปรับปรุงจุดไหลเทด้วยการตกผลึกแยกไขด้วยทำละลาย โดยใช้ตัวทำละลายผสมของ MEK กับโทลูอีน ในอัตราส่วน 1:1 ภายหลังผ่านการแยกไขด้วยกระบวนการแยกไขแบบ Dilchill ครั้งเดียวภายใต้อุณหภูมิแยกไขที่ -20°ซ. และใช้อัตราส่วนน้ำมันต่อตัวทำละลายที่ 1:3 จะทำให้น้ำมันเตาใสเบาและน้ำมันเตาใสหนักภายหลังการแยกไขมีจุดไหลเท 11 และ 6°ซ. ตามลำดับ กระบวนการที่สองเป็นการปรับปรุงค่าดรรชนีความหนืดและสมบัติเสถียรต่อการออกซิไดส์ของน้ำมันที่ผ่านการแยกไข โดยกระบวนการสกัดด้วยตัวทำละลาย พบว่าปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของกระบวนการนี้คือ อัตราส่วนระหว่างน้ำมันกับตัวทำละลาย และอุณหภูมิการสกัด โดยที่ปริมาณตัวทำละลายกับอุณหภูมิการสกัดจะมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นจะสามารถผลิตน้ำมันให้มีคุณภาพตามที่กำหนดโดยการเพิ่มปริมาณตัวทำละลายและลดอุณหภูมิการสกัดหรือเพิ่มอุณหภูมิการสกัดและลดปริมาณตัวทำละลายแต่ในทางปฏิบัติเพื่อให้ได้น้ำมันคุณภาพที่ต้องการในปริมาณสูงแล้วจะต้องใช้ปริมาณตัวทำละลายมากและใช้อุณหภูมิการสกัดต่ำ สำหรับการวิจัยนี้การวิเคราะห์องค์ประกอบของน้ำมันวิเคราะห์ด้วยวิธี 13C-NMR และวิเคราะห์สมบัติเสถียรสมบัติเสถียรต่อการออกซิไดส์ ด้วยวิธี TG แทนการวิเคราะห์แบบมาตรฐานทั่วไป เพราะทำได้สะดวกกว่าและให้ผลถูกต้องกว่า อนึ่งจากปริมาณความต้องการน้ำมันหล่อลื่นในประเทศปัจจุบันนี้เพียงพอที่จะตั้งโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่มีขนาดเหมาะสมทางเศรษฐกิจได้ โดยใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผลิตได้ในประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันเตาใสเบาและน้ำมันเตาใสหนักที่ผลิตจากน้ำมันดิบฝางมีความเหมาะสมที่จะใช้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยการปรับปรุงคุณภาพด้วยกระบวนการแยกไขด้วยตัวทำละลาย และกระบวนการสกัดด้วยตัวทำละลายดังกล่าวแล้ว

Share

COinS