Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

แบบแผนการลงคะแนนเสียงชาวไทยเชื้อสายจีนในเขตชุมชนหนาแน่น เขต 2 กรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The voting Behavior of the Sino-Thai Population in the Election of Bangkok Metropolis Constituency 2

Year (A.D.)

1991

Document Type

Thesis

First Advisor

กนลา สุขพานิช-ขันทปราบ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การปกครอง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1991.573

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาค้นคว้าแบบแผนพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงของชาวไทยเชื้อสายจีนในการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 2 เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2533 ว่าเป็นไปในลักษณะใด โดยพิจารณาถึงเชื้อชาติและวิถีประชาแบบจีนตลอดจนอิทธิพลของสมาคมจีนที่มีต่อการตัดสินใจลงคะแนนดังกล่าว รวมถึงความผูกพันทางการเมืองของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยใช้ข้อมูลทั้งจากแบบสอบถาม เอกสาร การสังเกตการณ์จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 210 กรณีของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตสัมพันธวงศ์ ผลการวิจัยพบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีความผูกพันในเชื้อชาติและวิถีประชาแบบจีนในระดับสูงทั้งในด้านวัฒนธรรมและลักษณะภาษา มีแนวโน้มที่จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้สมัครที่มีความเป็นจีน สูงกว่ากลุ่มที่มีความผูกพันต่ำ สำหรับกลุ่มที่มีความแตกต่างด้านอายุนั้นพบว่า ระดับอายุ 51 ปีขึ้นไปมีความผูกพันในเชื้อชาติและวิถีประชาแบบจีนในระดับสูงกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ จึงมีแนวโน้มในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่มีความเป็นจีนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ในขณะที่ระดับอายุ 41-50 ปี และ 20-40 ปี มีความผูกพันในระดับปานกลางและต่ำ จึงมีแนวโน้มที่จะเลือกผู้สมัครที่มีความเป็นจีนในระดับต่ำตามไปด้วย ในประเด็นศึกษาเกี่ยวกับอิทธิพลของสมาคมจีนต่อการตัดสินใจเลือกตั้งนั้น พบว่า ผู้ที่มีระดับอายุ 51 ปีขึ้นไปซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคมจีนได้ตัดสินใจเลือกผู้สมัคร่ตามคำแนะนำของสมาคมจีนยิ่งกว่ากลุ่มคนในระดับอายุต่ำลงมา แต่มีข้อยกเว้นสำหรับอาชีพผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ประกอบอาชีพธุรกิจการค้า ซึ่งต้องติตต่อสัมพันธ์กับสมาคมจีนโดยไม่จำกัดอายุ มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเลือกผู้สมัครตามคำแนะนำของสมาคมจีนด้วย สำหรับรูปแบบของความผูกพันทางการเมืองนั้นพบว่า ผู้ที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมสูงซึ่งมักจะมีระดับการศึกษาสูงด้วย ส่วนใหญ่จะมีความผูกพันในทางการเมืองในระดับค่อนข้างสูงโดยการติดตามข่าวสารข้อมูลทางการเมือง และจะไม่ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครโดยคำนึงถึงความเป็นจีน แต่มีข้อน่าสังเกตว่าในทางตรงข้ามผู้ที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำ ซึ่งมักจะมีระดับการศึกษาในระดับต่ำมีแนวโน้มที่จะมีความผูกพันทางการเมืองในระดับต่ำ แต่ส่วนใหญ่จะมีความศรัทธาในหัวหน้าพรรคการเมืองในระดับสูง แม้จะไม่ได้ผูกพันกับอุดมการหรือความคิดทางการเมืองแต่อย่างใด

Share

COinS