Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การดัดแปรแป้งมันสำปะหลังด้วยวิธีสร้างพันธะเชื่อมขวางและออกซิไดซ์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Modification of tapioca strach by cross-linking and oxidation

Year (A.D.)

1991

Document Type

Thesis

First Advisor

ชัยยุทธ ธัญพิทยากุล

Second Advisor

วรรณา ดุลยธัญ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เทคโนโลยีทางอาหาร

DOI

10.58837/CHULA.THE.1991.602

Abstract

งานวิจัยนี้ได้ศึกษาภาวะในการเตรียมแป้งมันสำปะหลังดัดแปรด้วยปฏิกิริยา cross-linking และ oxidation ในขั้นแรกศึกษาภาวะในการดัดแปรแป้งมันสำปะหลังธรรมชาติด้วยปฏิกิริยา cross-linking โดย ใช้ sodium trimetaphosphate (Na₃P₃O₉) ที่ภาวะ pH 11.00 ± 0.10 และอุณหภูมิ 50 ± 2℃ พบว่า ความเข้มข้นของ Na₃P₃O₉ และเวลาของปฏิกิริยาเป็นตัวแปรที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อความหนืด และผลต่างระหว่าง ความหนืดของแป้งเปียกใน heating-cooling cycle (P ≤ 0. 05) เมื่อวัดด้วยเครื่อง Brabender Visco- Amylograph กล่าวคือเมื่อเพิ่มความเข้มข้นของ Na₃P₃O₉ (ร้อยละ 0.20-0.30 โดยน้ำหนักแป้งแห้ง) กับ เวลาของปฏิกิริยา (4-6 ชั่วโมง) ความหนืดและผลต่างระหว่างความหนืดของแป้งเปียกใน heating-cooling cycle จะลดลง นอกจากนี้ยังทำให้การละลาย และกำลังการพองตัวของแป้งมันสำปะหลังเชื่อมขวางลดลงอีกด้วย นั่นคือแป้งมันสำปะหลังเชื่อมขวางที่ได้มีเสถียรภาพของความหนืดมากขึ้น ในขั้นต่อมาศึกษาภาวะในการดัดแปรแป้งมันสำปะหลังเชื่อมขวางซึ่งคัดเลือกจากแป้งมันสำปะหลังเชื่อมขวางที่มีเสถียรภาพความหนืดสูงสุดใน heating-cooling cycle ด้วยปฏิกิริยา oxidation โดยใช้ sodium hypochlorite (NaOCI) ที่ภาวะ PH 9.00 ± 0.10 และอุณหภูมิห้อง พบว่าแป้งมันสำปะหลัง ดัดแปรที่ได้มีความหนืดที่เสถียรและสูงกว่าแป้งมันสำปะหลังเชื่อมขวางทั้งนี้ความเข้มข้นของ NaOCI (ร้อยละ 3.00-5.00 โดยน้ำหนักแป้งแห้ง) และเวลาของปฏิกิริยา (4-6 ชั่วโมง) เป็นตัวแปรที่มีผลทำให้ความหนืด และผลต่างระหว่างความหนืดของแป้งเปียกใน heating-cooling cycle ลดลง (P ≤ 0. 05) แป้งมันสำปะหลังดัดแปรที่ได้จะมีเสถียรภาพของความหนืดดีใน heating-cooling cycle เกิดการคืนตัวน้อย และ สามารถอุ้มน้ำได้มากขึ้นเป็นผลให้การละลายและกำลังการพองตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณแป้งที่ใช้มีผลต่อเสถียรภาพของความหนืดโดยเมื่อปริมาณแป้งมันสำหลังธรรมชาติน้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 5.00 (โดยน้ำหนักแป้งแห้ง) แป้งเปียกจะมีเสถียรภาพของความหนืดใน heating-cooling cycle สูง ในขณะที่แป้งมันสำปะหลังดัดแปรสามารถใช้ได้ถึงร้อยละ 8.00 และแป้งเปียกยังมีเสถียรภาพของความหนืดดี ในระหว่างเก็บที่อุณหภูมิ 25℃ เป็นเวลา 3 วัน

Share

COinS