Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างกลุ่มที่มีความเชื่อในอัตลิขิตและปรลิขิต

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparison of the ability to solve equation problems of mathayom suksa three students between groups believing in internal and ewternal control

Year (A.D.)

1991

Document Type

Thesis

First Advisor

สุวัฒนา อุทัยรัตน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

มัธยมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1991.333

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถในแก้ปัญหาโจทย์สมการในแต่ละขั้นตอนและเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 434 คน ปีการศึกษา 2533 สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร โดยสุ่มตัวอย่างประชากรแบบแบ่งชั้นหลายขั้นตอน จำแนกตัวอย่างประชากรเป็น 2 กลุ่มคือ นักเรียนที่มีความเชื่อในอัตลิขิต จำนวน 252 คน และนักเรียนที่มีความเชื่อในปรลิขิต จำนวน 182 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชุดคือ แบบวัดลักษณะความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิต ซึ่งผู้วิจัยดัดแปลงจาก The Intellectual Achievement Responsibility Questionnaire (IAR) ของแครนดอลล์และคณะ มีค่าความเที่ยง 0.85 และแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการ 4 ขั้นตอนคือ การทำความเข้าใจโจทย์ การใช้ตัวแปรแทนจำนวนที่ไม่ทราบค่า การสร้างสมการและการแก้สมการ เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องจากโจทย์ เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง มีความเที่ยง 0.76 จากนั้นนำแบบสอบถามและแบบทดสอบไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างประชากร แล้วนำผลที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าร้อยละของคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการของนักเรียนกลุ่มที่มีความเชื่อในอัตลิขิตและปรลิขิตในแต่ละขั้นตอน และนำคะแนนจากแบบทดสอบวัดความสามรถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการของนักเรียนกลุ่มที่มีความเชื่อในอัตลิขิตและ ปรลิขิตมาเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย โดยใช้การทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนที่มีความเชื่อในอัตลิขิตมีความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการสูงกว่านักเรียนที่มีความเชื่อในปรลิขิตในทุกขั้น และนักเรียนทั้ง 2 กลุ่มมีความสามรถในการทำความเข้าใจโจทย์การสร้างสมการ การแก้สมการเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องจากโจทย์ และการใช้ตัวแปรแทนจำนวนที่ไม่ทราบค่าตามลำดับ 2. นักเรียนที่มีความเชื่อในอัตลิขิตและปรลิขิตมีความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์สมการไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ 0.05

Share

COinS