Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาเชิงวิเคราะห์สมาธิในพระพุทธศาสนาเถรวาท

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

An analytical study of meditation in theravada buddhism

Year (A.D.)

1991

Document Type

Thesis

First Advisor

วิสุทธ์ บุษยกุล

Second Advisor

ฐานิสร์ ชาครัตพงศ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ภาษาบาลีและสันสกฤต

DOI

10.58837/CHULA.THE.1991.837

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์เรื่องสมาธิในพุทธศาสนาเถรวาท การเจริญสมาธินี้ เชื่อว่าได้มีมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ แต่หลักฐานทางวรรณคดีพบว่ามีมาตั้งแต่สมัยคัมภีร์พระเวท วรรณคดีของสมัยนี้ได้แก่คัมภีร์ สํหิตา พราหมณะ อารัณยกะ และอุปนิษัท ซึ่งชี้ว่าชาวอินเดียอารยันพยายามแยกจิตซึ่งเป็นสิ่งถาวรออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน คือร่างกายนี้จะดำรงอยู่ชั่วขณะ ส่วนจิตใจจะคงอยู่ตลอดไป และพร้อมจะไปเกิดใหม่ตามกฎแห่งกรรมอันเป็นสังสารวัฏ การที่ชีวิตจะต้องไปเกิดบ่อย ๆ เช่นนี้ ถือว่าเป็นความทุกข์ ทำให้นักคิดทางศาสนาชาวอินเดียพยายามหาทางพ้นทุกข์ เริ่มบำเพ็ญตบะเพื่อจะแยกจิตออกจากร่างกาย โดยเน้นการฝึกจิตให้มีสมาธิเป็นประการสำคัญ พระพุทธเจ้าทรงมีความเชื่อเช่นนั้น แต่ไม่ทรงเห็นด้วยกับการแสวงหาความพ้นทุกข์ด้วยวิธีการดังกล่าว ทรงใช้วิธีดำเนินชีวิตตามทางสายกลาง (มชฺฌิมา ปฏิปทา) หรืออริยมรรคมีองค์ ๘ (อฏฺฐงฺคิโก อริยมคฺโค) รวมลงในไตรสิกขาเป็นศีล สมาธิ ปัญญา สมาธิจึงเป็นแนวทางที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง ในอันที่จะทำให้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ส่วนวิธีการที่จะได้มาซึ่งสมาธิ หรือที่เรียกกันว่ากัมมัฏฐานนั้น มีอยู่ ๒ ประการคือ สมถกัมมัฏฐานกับวิปัสสนากัมมัฏฐาน สมถกัมมัฏฐานมุ่งผลคือรูปฌานและอรูปฌาน และความรู้ความสามารถพิเศษที่เรียกว่าอภิญญา ส่วนวิปัสสนากัมมัฏฐานมุ่งผลคือญาณหรือวิชชา ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดหรือหยั่งรู้อริยสัจและนำไปสู่การบรรลุมรรคผลในที่สุด อันเป็นการบรรลุความหลุดพ้นจากทุกข์ บรรลุถึงบรมสุขอย่างสมบูรณ์ งานวิจัยเรื่องนี้ ทำให้เราได้เข้าใจถึงความสำคัญของสมาธิในพุทธศาสนา โดยมีขั้นตอนที่พัฒนามาจากความคิดพื้นฐาน ตั้งแต่คัมภีร์สํหิตาเป็นต้นมา

Share

COinS