Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความเป็นพิษของโลหะหนักบางชนิดจากกากตะกอนบำบัดน้ำเสียชุมชน ต่อผักคะน้า (Brassica oleracea L. Var. alboglabra Bailey)และผักกาดหอม(Lactuca sativa L.) ในสภาพเรือนทดลอง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Toxicity of some heavy metals from treated municipal waste water sludge on chinese kale (Brassica oleracea L.Var. alboglabra bailey) and lettuce (Lactuca sativa L.) in greenhouse

Year (A.D.)

1992

Document Type

Thesis

First Advisor

อรวรรณ ศิริรัตน์พิริยะ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิทยาศาสตร์สภาวะแวดล้อม

DOI

10.58837/CHULA.THE.1992.609

Abstract

ศึกษาความเป็นพิษของโลหะหนัก ได้แก่ เหล็ก แมงกานีส สังกะสี ทองแดง นิกเกิล ตะกั่ว และแคดเมียมที่ถูกปลดปล่อยออกจากกากตะกอนบำบัดน้ำเสียชุมชน ณ อัตราเดิม 20 เมตริกตัน/เฮกตาร์ (50 กรัม/กระถาง) ในรูปน้ำหนักแห้งของกากตะกอนต่อผักคะน้า (Brassica oleracea L. Var. alboglabra Bailey) และผักกาดหอม (Lactuca sativa L.) ดินทดลองนำมาจากพื้นที่เกษตรกรรม ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ส่วนกากตะกอนนำมาจาก anaerobic digester ของโรงบำบัดน้ำเสียชุมชนห้วยขวาง วางแผนการทดลองแบบ 2 X 4 factorial incompletely randomize design ทำ 3 ซ้ำ โดยปลูกผักคะน้าและผักกาดหอมบนดิน ซึ่งเติมเกลืออนินทรีย์ของโลหะ หนัก 4 ระดับ ให้เที่ยบเท่ากับปริมาณโลหะหนักจากตะกอน ตั้งแต่ปริมาณที่พืชอาจใช้ได้ทันที (ระดับที่ 1) จนถึงปริมาณทั้งหมดที่มีในกากตะกอน (ระดับที่ 4) แล้วติดตามปริมาณโลหะหนักที่สะสมในดินและในพืชตลอดจนผลผลิตพืชที่ได้ ผลการศึกษาพบว่าสังกะสีแสดงพฤติกรรมเพิ่มขึ้นตามปริมาณการเติมเกลืออนินทรีย์ของโลหะหนักทั้งในดินหลังปลูกผักคะน้าและผักกาดหอมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p≤0.01) ตลอดจนปริมาณสังกะสีในส่วนบริโภคได้ของพืชทั้ง 2 ชนิด ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณการเติมเกลืออนินทรีย์ของโลหะหนักเช่นกัน n520 และยังพบว่าปริมาณสังกะสีในส่วนบริโภคได้ของผักกาดหอมที่ปลูกบนดินเติมเกลืออนินทรีย์ของโลหะหนักเทียบเท่ากับปริมาณโลหะหนักทั้งหมดในกากตะกอนมีค่าสูงกว่าระดับปกติที่พบในพืชโดยทั่วไป แต่ปริมาณที่พบนั้นยังไม่ถึงระดับที่เป็นพิษต่อพืช จึงเสนอว่าน่าจะเลือกสังกะสีเป็นดัชนี เพื่อบ่งชี้ถึงแนวโน้มของความเป็นพิษของโลหะหนักจากกากตะกอน สำหรับทองแดงและแคดเมียมในดินหลังปลูกพืชทั้ง 2 ชนิด รวมทั้งตะกั่วในดินหลังปลูกผักคะน้ามีแนวโน้มสูงขึ้นตามปริมาณการเติมเกลืออนินทรีย์ของโลหะหนัก แต่ไม่แสดงแนวโน้มที่ชัดเจนสำหรับปริมาณพืช ส่วนเหล็ก แมงกานีส และนิกเกิลในดินหลังปลูกพืชทั้ง 2 ชนิด รวมทั้งตะกั่วในดินหลังปลูกผักกาดหอมไม่แสดงแนวโน้มที่ชัดเจนทั้งปริมาณในดินละในพืช สำหรับการปลดปล่อยโลหะหนักจากกากตะกอนนั้นพบว่าเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งฤดูเพาะปลูก โลหะหนักแต่ละธาตุจะถูกปลดปล่อยออกจากตะกอนได้ช้าเร็วต่างกัน โดยทองแดงจะถูกปลดปล่อยจากกากตะกอนได้เร็วที่สุด รองลงมาได้แก่ สังกะสี และแคดเมียม ตามลำดับ นอกจากนี้ไม่พบอาการผิดปกติเนื่องจากความเป็นพิษของโลหะหนักในพืชทดลองทั้ง 2 ชนิด แต่กลับพบว่าการเติมเกลืออนินทรีย์ของโลหะหนักทำให้ได้ผลผลิตพืชสูงขึ้น โดยเห็นได้ชัดเจนจากผักกาดหอม ซึ่งให้ผลผลิตที่สูงกว่าการเติมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 และเทียบเท่ากับผลผลิตที่ได้จากการเติมกากตะกอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P≤0.01) อีกทั้งยังทำให้พืชมีลักษณะสมบูรณ์อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าไม่มีความเสี่ยงต่อความเป็นพิษของโลหะหนัก เนื่องจากการเติมกากตะกอน ณ ระดับ 20 เมตริกตัน/เฮกตาร์ และช่วงเวลาการเติมกากตะกอนลงสู่พื้นที่การเกษตรที่เหมาะสมนั้นน่าจะมีระยะห่างกันอย่างน้อย 2 ฤดูเพาะปลูกของผักคะน้าและผักกาดหอม

Share

COinS