Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

สภาพการเกิดน้ำหลากในลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Occurrence of floods in the lower Phetchaburi River Basin

Year (A.D.)

1995

Document Type

Thesis

First Advisor

เสรี จันทรโยธา

Second Advisor

ชัยยุทธ สุขศรี

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิศวกรรมโยธา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1995.805

Abstract

การศึกษานี้มุ่งหาสาเหตุของการเกิดน้ำท่วม/อุทกภัย และวิเคราะห์สภาพน้ำหลากในเชิงอุทกวิทยาของลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง โดยการจำลองสภาพและวิเคราะห์สภาพน้ำหลากตามสภาวะต่างๆ ที่กำหนด การจำลองสภาพน้ำหลากใช้แบบจำลอง Flood Hydrograph Package HEC-1 รุ่น 4.0 ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ โดยทำการดัดแปลงแก้ไขบางส่วนเพื่อให้ค่าสัมประสิทธิ์ Manning’n’ แปรผันตามอัตราการไหล ข้อมูลน้ำหลากที่ใช้คือข้อมูลน้ำท่ารายชั่วโมงที่ตรวจวัดที่สถานีวัดน้ำท่าต่างๆ ในลุ่มน้ำเพชรบุรีโดยกรมชลประทาน ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในแบบจำลองได้ตรวจสอบและปรับแก้ข้อมูล การศึกษาการเคลื่อนตัวของน้ำหลากบนลำน้ำเลือกวิธีการของ Muskingum-Cunge ในการจำลองสภาพ การศึกษาได้พิจารณาเป็น 2 กรณี คือ สภาพปัจจุบัน มีอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน และสภาพในอนาคต มีอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ห้วยผากและห้วยแม่ประจันต์ สาเหตุหลักของการเกิดอุทกภัยในลุ่มน้ำพบว่าเกิดจากฝนตกหนัก อันเป็นอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก และมีพายุหรือร่องมรสุมพาดผ่านเป็นครั้งคราว จากการวิเคราะห์ความถี่ของข้อมูลปริมาณน้ำหลากของแม่น้ำเพชรบุรี ที่สถานี B.3 ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนแก่งกระจานประมาณ 10 กิโลเมตร พบว่าปริมาณน้ำหลากลดลงประมาณร้อยละ 80 อันเป็นผลมาจากการมีเขื่อนแก่งกระจาน ที่สถานี B.2A อยู่ท้ายเขื่อนเพชร (เขื่อนทดน้ำ) ประมาณ 200 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำท่าที่สถานี B.2A เกิดจากการรวมตัวของปริมาณน้ำท่าจากแม่น้ำเพชรบุรี ห้วยผากและห้วยแม่ประจันต์ จากการวิเคราะห์ความถี่พบว่าที่รอบปีการเกิดต่ำๆ ปริมาณน้ำหลากจะลดลงมาก แต่ที่รอบปีการเกิดสูงๆ ลดลงน้อยมาก ที่สถานี B.1A อยู่บริเวณตัวเมืองเพชรบุรีพบว่ามีการผันน้ำของสู่ทุ่งราบทางทิศตะวันออกของลุ่มน้ำก่อนถึงสถานี B.1A ทำให้ปริมาณน้ำหลากที่รอบปีการเกิดสูงๆ ทั้งก่อนและหลังมีเขื่อนแก่งกระจานมีค่าไม่ต่างกัน การจำลงสภาพน้ำหลากในสภาพปัจจุบันพบว่าปริมาณน้ำหลากที่เกิดในลุ่มน้ำตอนล่าง ส่วนมากเป็นผลจากปริมาณน้ำจากห้วยแม่ประจันต์ โดยเวลาการเคลื่อนตัวของน้ำหลากจากห้วยแม่ประจันต์ถึงลุ่มน้ำตอนล่าง (ที่สถานี B.1A) ประมาณ 43 ชั่วโมง ก่อนที่ปริมาณน้ำจะเคลื่อนตัวมาที่สถานี B.1A มีปริมาตรน้ำที่ถูกผันออกสู่ทุ่งราบในช่วงน้ำหลากเฉลี่ยประมาณ 55 ล้าน ลบ.ม. การจำลองสภาพในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงความจุเก็บกักของอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์เป็น 3 กรณี และกำหนดให้มีน้ำเต็มอ่างเป็นเงื่อนไขเริ่มต้น พบว่าการเปลี่ยนแปลงความจุอ่างทำให้สภาพน้ำหลากที่ด้านท้ายน้ำมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แต่ในกรณีที่เงื่อนไขเริ่มต้นมีระดับเก็บกักต่ำสุด พบว่าการเคลื่อนตัวของน้ำหลากมาถึงตัวเมืองช้าลง 24 ชั่วโมง และอัตราการไหลสูงสุดลดลง 40% เมื่อเทียบกับสภาพปัจจุบัน

Share

COinS