Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาการบริหารงานบุคคลของวิทยาลัยการค้า

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Study on personel adminstration of the college of commerce

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ศิริโสภาคย์ บูรพาเดชะ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.380

Abstract

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารงานบุคคลของวิทยาลัยการค้า ปัญหาและเปรียบเทียบความคิดเห็นด้านการบริหารงานบุคคลของผู้บริหาร อาจารย์ และพนักงานของวิทยาลัยการค้า โดยศึกษาจากข้อมูลทุติยภูมิจากหน่วยงานต่างๆ และหนังสือ ส่วนข้อมูลปฐมภูมินั้นศึกษาจากการแจกแบบสอบถาม ผลการวิจัยเป็นไปตามสมมติฐานดังนี้ คือ 1) การประกาศรับสมัครบุคลากรแต่ละครั้งส่วนมากจะมีผู้มาสมัครเป็นจำนวนน้อย แหล่งข่าวส่วนใหญ่นั้นจะทราบจากเพื่อนๆ หรือญาติ ซึ่งมีจำนวนร้อยละ 64.8 ทำให้บางครั้งยังไม่ได้ผู้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ และอัตราส่วนการคัดเลือก คือ จำนวนผู้ได้รับการคัดเลือกต่อจำนวนผู้สมัครทั้งหมดสูงใกล้ 1.00 โดยเฉพาะสาขาวิชาสถิติ คณิตศาสตร์ วิศวอุตสาหการ เลขานุการ การบัญชี และการเงิน ผู้ได้รับการคัดเลือกแล้วจะได้ทำงานตรงกับสาขาวิชาที่ได้ศึกษามา 2) อัตราการเข้าออกของอาจารย์ประจำสูงมากกว่า 10% โดยเฉพาะ พ.ศ.2523 มีอัตราการเข้า 22.9% และ พ.ศ.2524 มีอัตราการออก 13.3% ซึ่งส่วนมากลาออกไปรับราชการ เพราะอนาคตก้าวหน้ากว่า และสวัสดิการต่างๆ ดีกว่าของวิทยาลัย และมีบางส่วนลาออกเพื่อไปศึกษาต่อ 3) การเลื่อนขั้นเงินเดือนมีการประเมินผลการทำงานจากผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงาน และหน่วยงานส่วนมากมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา โดยพิจารณาจากผลงานดีเด่น ความรับผิดชอบ ความร่วมมือ ความคิดริเริ่ม จำนวนชั่วโมงสอน จำนวนวันลาหยุด จำนวนครั้งที่มาปฏิบัติงานสาย และการปฏิบัติตามระเบียบวินัย แต่บางหน่วยงานใช้วิธีเวียนกันตามลำดับก่อนหลัง โดยเฉพาะการเลื่อนขั้นเงินเดือนมากว่า 1 ขั้น การประเมินผลการปฏิบัติงานนี้ฝ่ายบริหารมีแบบฟอร์มใช้ในการประเมินผล ซึ่งประเมินโดยหัวหน้าหน่วยงาน และมีคณะกรรมการร่วมกันพิจารณาผลการประเมินนั้น ซึ่งส่วนมากพนักงานพอใจผลการกระเมินนั้น แต่ฝ่ายวิชาการส่วนมากไม่มีแบบฟอร์มในการประเมินผลการปฏิบัติงาน และมิได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลการประเมิน แต่ทำการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเท่านั้น และส่วนมากผู้ใต้บังคับบัญชา คือ อาจารย์ไม่ทราบหลักเกณฑ์ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ซึ่งมีจำนวนร้อยละ 47.6 จึงทำให้อาจารย์จำนวนร้อยละ 67.1 ไม่พึงพอใจผลการประเมินนั้น ผู้บริหารส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุการทำงานมากกว่า 10 ปี มีการศึกษาขั้นปริญญาตรี แต่อาจารย์และพนักงานส่วนมากเป็นหญิง ซึ่งมีอายุการทำงาน 1 ถึง 4 ปี และ 5 ถึง 10 ปี มีการศึกษาขั้นปริญญาตรี และประกาศนียบัตรวิชาชีพตามลำดับ การสรรหา บุคลากรทั้งสามกลุ่มส่วนมากทราบข่าวการรับสมัครจากเพื่อนๆ หรือญาติและรับการสอบคัดเลือก โดยสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ ผู้บริหารและอาจารย์มีความเห็นว่าควรจะสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ แต่พนักงานมีความเห็นว่าควรจะสอบข้อเขียน สัมภาษณ์และภาคปฏิบัติ บุคลากรส่วนมากได้รับการบรรจุให้ปฏิบัติงานตรงตามสาขาวิชาที่ได้ศึกษามา การพัฒนาและฝึกอบรม บุคลากรส่วนมากได้รับการปฐมนิเทศและฝึกอบรมแล้วและต่างก็พอใจในเนื้อหาและวิธีการฝึกอบรม แต่หลังจากฝึกอบรมแล้วกลุ่มอาจารย์ไม่มีการประเมินผล ส่วนพนักงานและผู้บริหารมีการประเมินผลเป็นครั้งคราว ส่วนมากต้องการให้มีการจัดฝึกอบรมปีละ 1 ครั้ง ส่วนการศึกษานั้นส่วนมากมีความเห็นว่าโควตาหน่วยงานละ 10-13% นั้นเหมาะสม แต่อาจารย์จำนวนร้อยละ 41.5 ต้องการให้จัดโควต้าลาศึกษาต่อมากกว่า 18% ทั้งนี้ อาจจะเพื่อให้วุฒิอาจารย์ประจำเป็นไปตามกฎทบวง คือ ปริญญาเอก : โท : ตรี – 2.0 : 5.5 : 2.5 ส่วนการให้วิทยาลัยจัดทุนศึกษาต่อโดยผู้ได้รับทุนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการเรียน แต่ต้องกลับมาทำงานชดใช้ให้ยาวนานขึ้นนั้นส่วนมากเห็นด้วย การจูงใจและธำรงรักษา บุคลากรส่วนมากมีความเห็นว่าอัตราเงินเดือนที่ได้รับนั้นเหมาะสมกับปริมาณงานที่ต้องรับผิดชอบ ผู้บริหารและพนักงานทราบว่า ในหน่วยงานของตนมีหลักเกณฑ์ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน และมีแบบฟอร์มในการประเมินผลและตั้งกรรมการพิจารณาผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของหัวหน้าแต่ละหน่วย จึงทำให้เกิดความพอใจและยุติธรรม แต่ของทางฝ่ายวิชาการคืออาจารย์นั้น ตรงกันข้ามกับที่กล่าวมาข้างต้น จึงเกิดความไม่พอใจและเห็นว่าไม่ยุติธรรม ส่วนสวัสดิการนั้นพนักงานมีความเห็นว่าสวัสดิการที่วิทยาลัยจัดให้นั้นเหมาะสมแล้ว แต่ผู้บริหารและอาจารย์เห็นว่า ยังไม่เหมาะสม ต้องการสวัสดิการเพิ่มเติมทางด้านตัวเงินมากกว่าสวัสดิการที่ไม่เป็นตัวเงิน ระเบียบวินัยของวิทยาลัยนั้น กลุ่มผู้บริหารและพนักงานมีความเห็นว่าเหมาะสม แล้วแต่อาจารย์จำนวนร้อยละ 43.9 ยังมีความไม่แน่ใจว่าระเบียบวินัยที่มีเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม

Share

COinS