Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Year (A.D.)
2024
Document Type
Independent Study
First Advisor
ทัชมัย ฤกษะสุต
Faculty/College
Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
กฎหมายเศรษฐกิจ
DOI
10.58837/CHULA.IS.2024.177
Abstract
ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายรูปแบบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ รวมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ เช่น การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อการส่งออก โดยหวังว่าการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะเป็นแรงจูงใจสำคัญให้บริษัทข้ามชาติมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นปัจจุบันอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 สามารถยกเว้นหรือปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน อย่างไรก็ตามเมื่อพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดยการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มนั้นคำนึงถึงการคำนวณอัตราภาษีที่แท้จริงของกลุ่มบริษัท ดังนั้นการที่บริษัทได้รับการยกเว้นหรือปรับลดอัตราภาษีจากการส่งเสริมการลงทุน จะส่งผลให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้ตามที่คาดหวัง การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลให้นักลงทุนพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกรณีที่ประเทศอื่นมีระบบภาษีที่เอื้อต่อการลงทุนมากกว่า การศึกษามาตรการของประเทศสิงคโปร์และแคนาดาพบว่า ทั้งสองประเทศได้ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม โดยเน้นการให้เครดิตภาษี (Qualified Refundable Tax Credits: QRTC) ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ OECD ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์คืนเครดิตภาษีจากการลงทุน จากการลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจมูลค่าสูง ส่วนประเทศแคนาดาให้เครดิตภาษีสำหรับเทคโนโลยีสะอาดและการวิจัยพัฒนา แนวทางนี้ช่วยส่งเสริมการลงทุน พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และรักษาอัตราภาษีที่แท้จริงไว้ ดังนั้นประเทศไทยควรพิจารณาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยนำแนวทางการให้เครดิตภาษีจากการลงทุนของประเทศสิงคโปร์และแคนาดามาใช้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการดึงดูดการลงทุนและยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ทั้งนี้การให้เครดิตภาษีจากการลงทุนจะไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาษีส่วนเพิ่ม แต่ยังส่งเสริมการลงทุนในกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของประเทศด้วย
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สิริจินดาเลิศ, สิริพร, "แนวทางแก้ไขผลกระทบของการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มตามเสาหลักที่สอง (Pillar 2) ของความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับการกัดกร่อนฐานภาษีและการโยกย้ายกำไร (Base Erosionand Profit Shifting) (BEPS) – ศึกษากรณีกิจการที่ได้รบการส่งเสริมการลงทุน" (2024). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 13083.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/13083