Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Year (A.D.)

2024

Document Type

Independent Study

First Advisor

ณัชพล จิตติรัตน์

Faculty/College

Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)

Degree Name

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

กฎหมายเศรษฐกิจ

DOI

10.58837/CHULA.IS.2024.175

Abstract

สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้อาชญากรรมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการฟอกเงิน การหลบเลี่ยงภาษีและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายไม่สามารถปราบปรามให้หมดไปได้ เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลไม่สามารถหาผู้กระทำผิดที่อยู่เบื้องหลังหรือผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (Beneficial Ownership: BO) จากการที่ผู้กระทำผิดได้อาศัยนิติบุคคลอำพรางความเป็นเจ้าของที่แท้จริงของเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอันเป็นการฟอกเงิน นอกจากนี้ ตามที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง Asia Pacific Group on Money Laundering มีพันธกรณีตามข้อบังคับที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำของ FATF ในการกำหนดมาตรการเพื่อความโปร่งใสและการเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของนิติบุคคล (คำแนะนำข้อที่ 24) โดยกำหนดให้แต่ละประเทศต้องมีมาตรการให้มั่นใจว่าข้อมูล BO มีความเพียงพอ ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน รวมถึงหน่วยงานที่มีอำนาจสามารถเข้าถึงได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม จากผลประเมินปี 2560 ระบุว่าประเทศไทยอยู่ในระดับ “สอดคล้องเพียงบางส่วน" เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงจากการใช้นิติบุคคลบังหน้าเพื่อการฟอกเงินและไม่มีกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลต้องเปิดเผยข้อมูล BOจากปัญหาข้างต้น ในปี 2565 สำนักงาน ปปง. จึงออกร่างพระราชบัญญัติข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง พ.ศ. .... โดยกำหนดให้นิติบุคคลต้องรายงานข้อมูล BO ต่อหน่วยงานของรัฐ เพื่อเป็นการส่งเสริมนโยบายด้าน AML/CFT และสร้างความรับรู้แก่สาธารณะว่าบุคคลใดคือ BO นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูล BO ในร่างกฎหมายดังกล่าวมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จึงกำหนดกลไกการตรวจสอบโดยกำหนดให้ผู้มีหน้าที่แจ้งข้อมูล BO ต้องยืนยันความถูกต้องและเป็นปัจจุบันของข้อมูลต่อสำนักงาน ปปง. ผ่านหน่วยงานกำกับดูแลของนิติบุคคลนั้น ๆ ภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่สิ้นปี และหากข้อมูลที่แจ้งไว้มีการเปลี่ยนแปลงให้ผู้มีหน้าที่แจ้งข้อมูลต้องปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันภายใน 30 วันนับแต่ข้อมูลเปลี่ยนแปลง และให้อำนาจสำนักงาน ปปง. ในการเปิดเผยข้อมูล BO แก่ผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมตามกฎหมาย AML/CFT รวมถึงกำหนดมาตรการลงโทษกรณีไม่ให้ข้อมูล BO หรือรายงานข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 500,000 บาท อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยจะมีร่างพระราชบัญญัติข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง พ.ศ. .... แล้ว แต่ยังไม่มีกลไกการตรวจสอบและมาตรการลงโทษที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับผู้กระทำผิดที่ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายและฟอกเงินผ่านนิติบุคคลบังหน้าย่อมไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงเพื่อปิดบังธุรกรรมทางการเงินและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ส่งผลให้ข้อมูลไม่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และไม่สามารถนำข้อมูล BO ของนิติบุคคลไปใช้ป้องกันการฟอกเงินได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังนั้น ผู้วิจัยจึงขอเสนอให้นำหลักการตามมาตรฐานสากล เรื่อง หลักความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ รวมถึงกลไกการตรวจสอบและมาตรการลงโทษที่มีประสิทธิภาพของต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย มาปรับใช้กับประเทศไทยเพื่อให้สามารถนำข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของนิติบุคคลที่เป็นองค์กรธุรกิจตามร่างพระราชบัญญัติข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง พ.ศ. …. ไปใช้ป้องกันการฟอกเงินได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ประกอบด้วย (1) กำหนดให้ทะเบียนข้อมูลผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงเปิดเผยต่อสาธารณะ (2) กำหนดมาตรการตรวจสอบเพิ่มเติม ได้แก่ การรายงานความคลาดเคลื่อน (Discrepancy Reporting) และการตรวจสอบแบบอัตโนมัติผ่านระบบสี (Color Coding) (3) กำหนดให้เพิ่มบทลงโทษทางปกครอง และ (4) กำหนดให้รายงานการเปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมด

Share

COinS
 
 

To view the content in your browser, please download Adobe Reader or, alternately,
you may Download the file to your hard drive.

NOTE: The latest versions of Adobe Reader do not support viewing PDF files within Firefox on Mac OS and if you are using a modern (Intel) Mac, there is no official plugin for viewing PDF files within the browser window.