Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Year (A.D.)
2024
Document Type
Independent Study
First Advisor
ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์
Faculty/College
Faculty of Law (คณะนิติศาสตร์)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
กฎหมายเศรษฐกิจ
DOI
10.58837/CHULA.IS.2024.171
Abstract
ค่าลดหย่อนตามประมวลรัษฎากรสำหรับผู้ที่ให้ความอุปการะแก่ผู้อื่น จำกัดอยู่เพียง กรณีลดหย่อนค่าดูแลบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย บุตรบุญธรรม บิดามารดา ผู้พิการ และผู้ทุพพล ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันการอุปการะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความสัมพันธ์เท่าที่กล่าวมา เช่น พี่ที่ต้องเลี้ยงดูน้อง หรือกรณีที่ลุงต้องเป็นผู้เลี้ยงหลาน ซึ่งการอุปการะก็ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากขึ้นเนื่องจากต้องดูแลทั้งด้านที่อยู่อาศัย ด้านบริการสุขภาพ ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น เช่นเดียวกับกรณีที่มีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือบุตรบุญธรรม หรือความสัมพันธ์อื่น เมื่อศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ากรณีที่ให้การอุปการะแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี หากเป็นไปตามเกณฑ์ที่รัฐกำหนดก็สามารถใช้เครดิตภาษีสำหรับเด็ก (Child Tax Credit) เพื่อลดภาระภาษีลงได้ โดยรัฐให้เครดิตภาษีสูงสุด 2,000 ดอลลาร์ต่อคน โดยความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้การอุปการะและบุคคลผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีในความอุปการะมิได้จำอยู่เพียงต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย บุตรบุญธรรม แต่หมายรวมไปถึงหลาน พี่ หรือน้องด้วย เมื่อพิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีปัจจุบันของไทยกับมาตรการเครดิตภาษีสำหรับเด็ก (Child Tax Credit) ของอเมริกา ประกอบกับหลักภาษีอากรที่ดีของอดัม สมิธ จึงเห็นควรว่ารัฐควรพิจารณาเพิ่มมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้ที่มิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมาย บุตรบุญธรรม หรือบิดามารดา แต่เนื่องจากประเทศไทยไม่ไดใช้ระบบเครดิตเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาจึงต้องเป็นมาตราการบรรเทาภาระในรูปแบบการลดหย่อนภาษี
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สุขเกต, ศิรรัตน์, "มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ให้การอุปการะแก่ผู้อื่น" (2024). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 13077.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/13077