Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Traumatic experiences of women in prison and treatment framework
Year (A.D.)
2023
Document Type
Thesis
First Advisor
สุมนทิพย์ จิตสว่าง
Faculty/College
Faculty of Political Science (คณะรัฐศาสตร์)
Department (if any)
Department of Sociology and Anthropology (ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา)
Degree Name
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาเอก
Degree Discipline
อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม
DOI
10.58837/CHULA.THE.2023.794
Abstract
งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสบการณ์การได้รับความรุนแรงของผู้ต้องขังหญิง และศึกษาผลกระทบของการถูกใช้ความรุนแรงต่อผู้ต้องขังหญิง พร้อมศึกษาแนวทางของเรือนจำในการดูแลผู้ต้องขังหญิงที่มีประสบการณ์ถูกใช้ความรุนแรง การวิจัยนี้ใช้วิธีการศึกษาแบบผสมผสานระหว่างเชิงปริมาณและเชิงโดยการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณผ่านการสำรวจแบบสอบถามกับผู้ต้องขังหญิง จำนวน 150 คน และการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ต้องขังหญิง 15 คนและเจ้าหน้าที่เรือนจำ จำนวน 11 คน ผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 48 ของผู้ต้องขังหญิงเคยถูกกระทำความรุนแรงทางร่างกาย ร้อยละ 12.7 เคยถูกกระทำความรุนแรงทางเพศ และร้อยละ 43.3 เคยถูกกระทำความรุนแรงด้านจิตใจ ความรุนแรงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย เช่น นอนไม่หลับ รับประทานอาหารได้น้อยลง ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการ และส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น เครียด วิตกกังวลคิดวนเวียนซ้ำๆ เรื่องเดิม ความรุนแรงนี้ยังส่งผลให้ผู้ต้องขังหญิงบางคนมีปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง เป็นระยะเวลานานถึงขั้นเป็นบาดแผลในใจจนถึงปัจจุบัน ผลการประเมินผลกระทบทางจิตใจหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ พบว่า ร้อยละ 47.3 ของผู้ต้องขังหญิงได้รับผลกระทบทางจิตใจหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญอยู่ในระดับทุกข์ทรมานทางจิตใจเล็กน้อยถึงรุนแรง โดยมีผู้ต้องขังหญิงกว่า 1 ใน 5 มีระดับผลกระทบทางจิตใจหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญอยู่ในระดับทุกข์ทรมานทางจิตใจมากและระดับทุกข์ทรมานทางจิตใจรุนแรง ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ควรที่จะได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการให้คำปรึกษา แนวทางของเรือนจำในการดูแลผู้ต้องขังหญิงที่มีประสบการณ์ถูกใช้ความรุนแรง ประกอบด้วยแนวทางที่เรือนจำปฏิบัติเป็นหลัก จะมุ่งที่การจำแนกผู้ต้องขังเข้าใหม่เพื่อคัดกรองผู้ต้องขังและการดูแลเบื้องต้นด้านสภาพจิตใจ นอกจากนี้ ในเรือนจำยังมีอาสาสมัครเรือนจำเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขัง ทั้งด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต หากแต่เรือนจำไม่ได้มีโปรแกรมเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังที่มีประสบการณ์ที่ได้รับความรุนแรง โดยข้อจำกัดในการดูแลผู้ต้องขังหญิงที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงก่อนเข้าเรือนจำ ได้แก่ การไม่เปิดใจหรือความไม่ไว้วางใจของผู้ต้องขัง การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ส่งผลต่อภาระงานที่มากเกินไป ข้อจำกัดด้านงบประมาณ สถานที่ การส่งต่อข้อมูลผู้ต้องขัง และทัศนคติของผู้ต้องขังอื่นในเรือนจำข้อเสนอแนะสำคัญจากการวิจัยนี้ ได้แก่ ควรมีการพัฒนานโยบายด้านการดูแลปัญหาสุขภาพจิตและการฟื้นฟูผู้ต้องขังหญิงที่มีประวัติความรุนแรงอย่างเป็นระบบ การปรับปรุงพื้นที่เรือนจำให้เอื้อต่อการบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังหญิงที่มีประสบการณ์ถูกใช้ความรุนแรง รวมถึงการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะเจ้าหน้าที่เรือนจำให้มีความรู้ความเข้าใจในการให้คำปรึกษาและการดูแลผู้ต้องขังหญิง ควรจัดโปรแกรมฝึกอบรมผู้ต้องขังที่มุ่งเสริมสร้างความมั่นใจและการเยียวยาด้านจิตใจ ควรสนับสนุนการบูรณาการบริการด้านสุขภาพจิตในเรือนจำให้ครอบคลุมและเทียบเท่ากับบริการในชุมชน รวมถึงใช้เทคโนโลยีในการให้บริการและการดำเนินงาน ควรพัฒนาระบบการสอบประวัติและแบบสอบถามคัดกรองอาการทางสุขภาพจิต การให้คำปรึกษาและการดูแลทางจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดโปรแกรมเสริมทักษะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและเยียวยาตนเองสำหรับผู้ต้องขังหญิงที่มีประสบการณ์ถูกใช้ความรุนแรงเพื่อให้สามารถคืนคนดีกลับสู่สังคมได้อย่างแท้จริง
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
This research aims to explore the experiences of violence endured by women prisoners, examine the impacts of such violence, and investigate the prison's approach to caring for those who have experienced violence. The study employed a mixed-method approach, gathering quantitative data through surveys of 150 women prisoners and qualitative data through in-depth interviews with 15 women prisoners and 11 prison staff. The findings reveal that 48% of the surveyed women prisoners had been physically abused, 12.7% had experienced sexual violence, and 43.3% had suffered psychological abuse. Such violence has significantly affected their physical health, causing issues such as insomnia, reduced appetite, physical injuries to the loss of a limb and other permanent disability, and severe psychological problems, including stress and chronic anxiety. These experiences and trauma have also resulted in some women experiencing debilitating psychological distress up to and including post-traumatic stress disorder (PTSD). The study found that 47.3% of the inmates experienced PTSD, and over 1 in 5 women faced severe psychological distress and intense psychological suffering after the traumatic event, which required treatment with psychiatrists and other specialists. The prison's approach to treating women prisoners with a history of violence comprises primarily of initial psychological screening by prison staff. Furthermore, the prison also has volunteers to support staff in providing both physical and psychological care to inmates. However, there are no specific programs for women with a history of violence. Challenges in providing care include lack of trust by prisoners in staff, staff shortages which create excessive workloads on staff, budgetary constraints, physical limitations imposed by prison facilities, shortcomings in information transfer and communications, and the attitudes of other prisoners. Key recommendations include developing systematic policies for mental healthcare and rehabilitation, improving prison facilities to support rehabilitation of women prisoners with experience of violence, staff training programmes in counseling and continuous care of women prisoners, implementing confidence-building and psychological treatment programs, integrating mental health services to be equal to services available in the wider community both in scope and depth of care, improved use of technology for operations and service delivery, improving background screening systems and mental screening questionnaires, providing continuous psychological counseling and care, increasing consultations with psychologists, and implementing skill-building programs related to self-care and healing for women prisoners with experience of violence to facilitate their successful reintegration into society.
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ทิพยมงคลอุดม, ยศวดี, "ประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจของผู้ต้องขังหญิงและแนวทางการดูแล" (2023). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 12476.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/12476